วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เป็นสิวแล้วต้องทำไงอ่ะ?

เวลาเป็นสิว เราต้องทำยังไงกับตัวเองบ้าง?

-จะเห็นว่าสิวไม่ได้เกิดจากฝุ่นละออง หรือความสกปรก ฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องล้างหรือทำความสะอาดมากเกินไป การล้างหน้าด้วยสบู่ธรรมดา วันละ 1 - 2 ครั้ง ก็เป็นการเพียงพอ
-อาหารไม่มีส่วนทำให้เกิดสิว แต่บางคนที่พบว่า อาหารบางชนิด มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวทุกครั้ง ก็ควรหลีกเลี่ยง
-เครื่องสำอาง ถ้าจะใช้ควรใช้ประเภทที่ไม่มีไขมัน (oil-free) และควรล้างเครื่องสำอางออกให้หมดทุกวัน สเปรย์หรือเจลใส่ผม ไม่ควรให้โดนผิวหน้า เพราะอาจทำให้เกิดสิว (แนะนำนิดนึงค่ะ สำหรับคนที่แตงหน้าแล้วไม่ใช้ออยนวดกอน มีผลทำให้เกิดสิวอุดตัน ฉะนัน้ควรใช้ออยนวดให้สะอาดแล้วเช็ดด้วยสำลี ก่อนจะให้โฟมสำหรับคนผิวแห้ง และสบู่สำหรับผิวมัน ล้างหน้าต่อไปน่ะค่ะ สวนตัวแล้วแนนใช้ FANCL ดีมากเลยหละคะ)
-ห้ามแกะเกาหรือบีบสิวเอง เพราะทำให้การอักเสบเพิ่มขึ้น และมีรอยแผลเป็นมากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงการรบกวนผิว เช่น การขัดหน้าหรือนวดหน้า และการเช็ดถูหน้าแรง ๆ
-ควรพักผ่อน หรือออกกำลังกายให้พอเหมาะ การอดนอนหรือทำงานหนัก และเครียดเกินไป ทำให้สิวเป็นมากขึ้น ต้องเข้าใจว่า

จุดประสงค์ของการรักษาสิว คือ ป้องกันการเกิดสิวใหม่ และทำให้สิวที่เป็นอยู่แล้วยุบหายไป โดยไม่เกิดแผลเป็น
ฉะนั้น การรักษาสิวจะต้องใช้เวลา แพทย์ผิวหนังจะให้การรักษาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสิว ยาปฏิชีวนะจะช่วยลดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในรูขน ทำให้สิวอักเสบลดลง

ในวัยที่เป็นสิวง่าย ควรจะทายาละลายการอุดตันเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่
(แนะนำนิดน่ะคะ ว่าพวกยา PanOxyl 2% 5% 10% จะดีมากเลยคะ ส่วนใครที่ต้องการยาที่อ่อนวก่านี้แนะนำ Benzec หาซื้อได้ตามร้านขายาทั่วไป หรือวัตสันและบุ๊ทน่ะค่ะ ) ควรระลึกเสมอว่า สิวอาจไม่มีการหายที่ถาวร แต่สามารถควบคุมได้ และการรักษาที่ถูกต้อง จะช่วยลดการเกิดแผลเป็นหลังสิวหายแล้ว ได้เป็นอย่างดี

หลักในการรักษาสิวนั้นต้องรักษาทั้งด้านจิตใจ, ตัวสิวเอง และร่องรอยจากสิว ควบคู่กันไปด้วย ที่สำคัญผู้ที่เป็นสิวควรจะทราบว่าสิวต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อยประมาณ 4-6 สัปดาห์ขึ้นไป และอาจใช้เวลารักษานานถึง 12 เดือน

1. กลุ่มยาทา
-กลุ่มยาทาปฏิชีวนะ เช่น 1% Clindamycin, 2% Erythromycin
-กลุ่มยาทาก่อนล้างหน้า เช่น 2.5% Benzoyl peroxide, Benzac, Brevoxyl -กลุ่มยาทากรดวิตามินเอ เช่น Retin-A, Stieva, Isotrex, Brevoxyl
-กลุ่มยาทาละลายขุย เช่น Salicylic acid lotion, Sulphur lotion
-กลุ่มอื่นๆ เช่น Differin, Skinoren

2. กลุ่มยารับประทาน -
-กลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) ที่ใช้ได้ผลดีคือ Tetracycline, Doxycycline, Minocycline, Erythromycin และ Bactrim
-กลุ่มยากรดวิตามินเอ บางคนเรียกว่า ยาเม็ดรักบี้เพราะรูปร่างคล้ายเม็ดรักบี้ คือ ยาRoaccutane (Isotretinoin)ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ทำให้ต่อมไขมันมีจำนวนและขนาดเล็กลง สิวจึงลดน้อยลงได้ แต่มีผลข้างเคียงหลายประการ เช่น มีผลต่อเด็กในครรภ์ได้จนอาจพิการได้ ทำให้ไขมันในเลือดสูงขึ้น ริมฝีปากแห้งมาก ฯลฯ ยานี้เป็นยาที่ใช้ได้ผลดีในการรักษาสิวที่เป็นรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นๆไม่ได้ผล แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อรับประทานเองเด็ดขาด

-ยากลุ่มฮอร์โมน ได้แก่ ยา Diane 35 ใช้ได้ผลดีเช่นกัน แต่ใช้ในผู้หญิงที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปเท่านั้น ร่วมกับมีข้อบ่งชี้เช่น ผิวมัน เสียงห้าว ขนดก และประจำเดือนผิดปกติ

3. การฉีดยารักษาสิว (Intralesional Kenacorte) ในกรณีที่เป็นสิวหัวช้าง เม็ดใหญ่มาก ที่เป็นรุนแรง (cystic acne) แพทย์อาจใช้วิธีฉีดยา เข้าไปที่หัวสิวได้เลยโดยตรง ซึ่งจะทำให้สิวยุบหายค่อนข้างเร็วมากภายใน 24 ชม. แต่ค่อนข้างเจ็บพอสมควร วิธีนี้ถ้าไม่ชำนาญหรือฉีดยามากเกินไปอาจทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเป็นรอยบุ๋มได้

4. การกดเอาหัวสิวออก (Comedone extraction) ถ้าใช้เครื่องมือที่สะอาดและเทคนิคที่ถูกต้องจะทำให้สิวดีขึ้นเร็วในการรักษานั้นแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมให้ ซึ่งบางคนใช้แต่ยาทาอย่างเดียวก็ได้ แต่บางคนต้องรับประทานยาหรือกดหัวสิวร่วมด้วย เป็นต้น

จะขาดไม่ได้ ต้องขอบคุณ http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=3376 แบบว่าคนเป็นสิว เข้าเว็บนี้เยอะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น